สารกันชื้นอันตรายไหม? วิธีใช้สารกันชื้นอย่างไรให้ปลอดภัย

สารกันชื้นอันตรายไหม? วิธีใช้สารกันชื้นอย่างไรให้ปลอดภัย

ซองกันชื้นอันตรายไหม

คุณเคยสังเกตเห็นซองเล็ก ๆ ที่มาพร้อมกับผลิตภัณฑ์อาหาร ยาหรือวิตามินบ้างไหม? ซองที่เขียนว่า “สารดูดความชื้น” ที่มีคำเตือน “ห้ามรับประทาน”? หลายคนอาจจะสงสัยว่า Desiccant คืออะไร มีไว้ทำไม และถ้าเผลอกินเข้าไปจะเป็นอันตรายไหม? บทความนี้มีคำตอบ เราจะพาไปเลือกสารกันชื้นที่ปลอดภัย แนะนำการใช้งานและข้อควรปฏิบัติที่ถูกต้อง พร้อมทั้งช่วยไขความเข้าใจผิดเกี่ยวกับเจ้า ซองกันชื้นเหล่านี้

สารบัญบทความ

ซองสารกันชื้นสำหรับบรรจุภัณฑ์อาหารคืออะไร?


ซองกันชื้น คือ

ซองกันชื้นใส่อาหาร บรรจุสารดูดความชื้น (Desiccant) มีหน้าที่หลักในการดูดซับความชื้นในบรรจุภัณฑ์อาหาร เพื่อรักษาคุณภาพและยืดอายุการเก็บรักษาอาหารแห้งและอาหารแปรรูปที่ไวต่อความชื้น เช่น ขนมขบเคี้ยว, อาหารสัตว์เลี้ยง, ผลไม้อบแห้ง, หรือเครื่องเทศ

หลักการทำงานของสารกันชื้นคือการลดปริมาณไอน้ำในอากาศภายในบรรจุภัณฑ์ ซึ่งช่วยป้องกันปัญหาที่เกิดจากความชื้นได้หลายอย่าง:

  • ป้องกันการจับตัวเป็นก้อนหรือการเสียเนื้อสัมผัส: ทำให้ผลิตภัณฑ์ที่ต้องการความกรอบยังคงความกรอบได้นาน
  • ยับยั้งการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์: เช่น เชื้อราและแบคทีเรียที่ต้องการความชื้นในการเติบโต
  • ชะลอการเหม็นหืน: โดยเฉพาะในอาหารที่มีไขมันสูง (ในช่วง water activity 0.3-0.7)

สารกันชื้นสำหรับบรรจุภัณฑ์อาหารมีกี่แบบ?


สาร
กันชื้นสำหรับบรรจุภัณฑ์อาหารมีหลายแบบ โดยแต่ละแบบมีคุณสมบัติและการใช้งานที่แตกต่างกันไป แต่สิ่งที่สำคัญคือสารกันชื้นที่ใช้ในอุตสาหกรรมอาหารจะต้องเป็น เกรดที่ปลอดภัยสำหรับสัมผัสอาหาร (Food Grade) เท่านั้น

ซิลิกาเจล (Silica Gel)


ซิลิก้าเจล คือ
สารกันชื้นที่ทำมาจากทรายขาว (Silica Sand) ซึ่งมี ซิลิคอนไดออกไซด์ (Silicon Dioxide, SiO₂) เป็นส่วนประกอบหลัก ซิลิกาเจลมีลักษณะเป็นเม็ดกลมใส สามารถดูดซับความชื้นได้อย่างมีประสิทธิภาพผ่านกระบวนการ ดูดซับทางกายภาพ (Physical Adsorption) โดยโมเลกุลของน้ำจะถูกกักเก็บไว้ในรูพรุนของโครงสร้างซิลิกาที่มีพื้นที่ผิวสัมผัสสูง

ซิลิกาเจลเม็ดดูดความชื้นได้เร็ว โดยเฉพาะในช่วงแรก และมีประสิทธิภาพสูงในระดับความชื้นสัมพัทธ์ที่หลากหลาย ที่สำคัญคือไม่ทำปฏิกิริยาทางเคมีกับผลิตภัณฑ์ภายในบรรจุภัณฑ์ ด้วยราคาที่เข้าถึงได้และคุณสมบัติที่ปลอดภัย ซิลิกาเจลจึงได้รับการรับรองและเป็นที่นิยมอย่างกว้างขวางในผลิตภัณฑ์ที่ต้องการความปลอดภัยสูง เช่น อาหาร ยา และวิตามิน นอกจากนี้เม็ดกันชื้นนี้ยังถูกนำไปเป็นตัวดูดความชื้นใช้กับ อิเล็กทรอนิกส์ และ สินค้าอื่น ๆ เช่น เสื้อผ้าและเครื่องหนัง เพื่อช่วยรักษาคุณภาพและยืดอายุการใช้งาน

ดินเหนียว (Clay)


ดินเหนียวที่ใช้เป็น
ซองกันความชื้นทำมาจากดินเหนียวธรรมชาติ เช่น ดินเบนโทไนต์ (Bentonite Clay) ดินมอนต์มอริลโลไนต์ (Montmorillonite Clay) หรือ แอทต้าพูไกท์ (Attapulgite Clay) ซึ่งผ่านกระบวนการ กระตุ้น (Activation) ด้วยความร้อนหรือสารเคมี เพื่อเปลี่ยนโครงสร้างให้มีพื้นที่ผิวเพิ่มขึ้น ทำให้สามารถดูดซับความชื้นได้

การดูดซับของดินเหนียวเป็นแบบทางกายภาพ โดยโมเลกุลของน้ำจะถูกกักเก็บไว้ในรูพรุนเล็ก ๆ บนโครงสร้างที่เป็นแผ่นชั้น (layered structure) ของอนุภาคดิน แม้ว่าอัตราการดูดซับจะค่อนข้างช้า แต่สามารถทำงานได้อย่างต่อเนื่องในระยะยาว

อย่างไรก็ตาม การใช้ดินเหนียวมีข้อควรระวังคือเมื่อแห้งอาจเกิดฝุ่นผงที่ปนเปื้อนผลิตภัณฑ์ได้ และเมื่อดูดซับน้ำจะพองตัวและกลายเป็นเจล ซึ่งทำให้เม็ดดินเสียรูปทรงได้ง่าย ดินเคลย์จึงเหมาะสำหรับบรรจุภัณฑ์ทั่วไปและสินค้าที่ต้องการควบคุมต้นทุนการผลิต

แคลเซียมซัลเฟต (Calcium Sulfate)


แคลเซียมซัลเฟต เป็นสารกันชื้นที่ได้จากการให้ความร้อนแก่ยิปซัมเพื่อขับน้ำออก สารนี้ดูดซับความชื้นผ่านกระบวนการ ดูดซับทางเคมี (Chemical Adsorption) โดยจะทำปฏิกิริยาทางเคมีกับโมเลกุลน้ำที่อยู่ในอากาศโดยตรง

มีอัตราการดูดซับอยู่ในระดับปานกลางและมีความเสถียรสูง จึงเหมาะสำหรับการใช้งานใน ห้องปฏิบัติการ และงานเฉพาะทาง

แคลเซียมคลอไรด์ (Calcium Chloride)


แคลเซียมคลอไรด์เป็นเกลือที่ได้จากผลพลอยได้ของกระบวนการผลิตโซดาแอช หรือจากปฏิกิริยาระหว่างหินปูนกับกรดเกลือ เป็น
สารดูดความชื้นที่มีประสิทธิภาพสูง โดยสามารถดูดซับไอน้ำจากอากาศจนตัวเองละลายกลายเป็นของเหลวได้ โดยกระบวนการ Deliquescence.

อย่างไรก็ตาม มีข้อควรระวังสำคัญคือ เมื่อดูดซับความชื้นจะเปลี่ยนเป็นของเหลวที่มีฤทธิ์กัดกร่อน (Corrosive) ดังนั้นจึงต้องใช้ซองบรรจุภัณฑ์ชนิดพิเศษที่สามารถป้องกันการรั่วไหลได้ นอกจากนี้ยังอาจเกิดปฏิกิริยาคายความร้อน เมื่อสัมผัสกับน้ำ จึงต้องใช้ด้วยความระมัดระวังอย่างยิ่ง แคลเซียมคลอไรด์จึงเหมาะสำหรับใช้งานในพื้นที่ขนาดใหญ่ เช่น โกดังสินค้า ตู้คอนเทนเนอร์ หรือสินค้าที่ต้องขนส่งทางทะเลมากกว่าการใช้ในบรรจุภัณฑ์อาหารของผู้บริโภคทั่วไป

แคลเซียมออกไซด์ (Calcium Oxide)


แคลเซียมออกไซด์เป็นสาร
กันชื้นที่ผลิตจากการให้ความร้อนแก่หินปูนจนสลายตัว มีคุณสมบัติในการดูดซับความชื้นผ่าน การดูดซับทางเคมี โดยทำปฏิกิริยากับน้ำแล้วเปลี่ยนเป็นแคลเซียมไฮดรอกไซด์ ซึ่งเป็นปฏิกิริยาที่ ย้อนกลับไม่ได้และคายความร้อนสูง

แม้จะดูดซับได้ค่อนข้างช้า แต่มีประสิทธิภาพสูงมากในสภาวะที่มีความชื้นต่ำ อย่างไรก็ตาม มีข้อควรระวังสำคัญคือ คือเมื่อทำปฏิกิริยากับน้ำจะเกิดความร้อนสูง ทำให้ไม่ปลอดภัยสำหรับการใช้ในบรรจุภัณฑ์อาหารสำหรับผู้บริโภคทั่วไป นอกจากนี้ แคลเซียมออกไซด์อาจเปลี่ยนสถานะจากเม็ดเป็นผงได้ จึงต้องใช้บรรจุภัณฑ์ที่แข็งแรงเพื่อป้องกันการรั่วไหล.

นอกจากสารกันชื้นที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว ยังมีสารกันชื้นประเภทอื่น ๆ ที่ใช้ในอุตสาหกรรมเฉพาะทาง เช่น Molecular sieves, Diatomaceous Earth หรือ ถ่านกัมมันต์ (Activated Charcoal)

สารกันชื้นใดเหมาะสำหรับใช้เป็นซองกันชื้นในบรรจุภัณฑ์อาหาร?


โดยสรุปแล้ว
สารดูดความชื้นที่เหมาะที่สุดสำหรับบรรจุภัณฑ์อาหารคือ ซิลิก้าเจล (Silica Gel) เนื่องจากมีคุณสมบัติที่สมดุลทั้งด้านประสิทธิภาพ ความปลอดภัย เสถียรภาพ และราคา ซิลิกาเจลได้รับการยอมรับและใช้กันอย่างแพร่หลายในอุตสาหกรรมอาหารและยา

  • ประสิทธิภาพ: ดูดซับความชื้นได้เร็ว โดยเฉพาะช่วงแรกและมีประสิทธิภาพสูงในระดับความชื้นสัมพัทธ์ที่หลากหลาย
  • ความปลอดภัย:  ไม่เป็นพิษ (non-toxic) เป็นสารเฉื่อย (chemically inert) ไม่ทำปฏิกิริยาคายความร้อน และไม่กัดกร่อนเมื่อดูดความชื้น ทำให้ปลอดภัยต่อการใช้งานในผลิตภัณฑ์อาหารแห้งและยา
  • เสถียรภาพ: ไม่เป็นฝุ่นผง ที่จะปนเปื้อนข้ามไปยังอาหาร ยังคงสภาพเป็นเม็ดของแข็ง (ไม่เปลี่ยนสภาพเป็นของเหลว) แม้จะดูดซับความชื้นจนอิ่มตัวแล้วก็ตาม ทำให้ง่ายต่อการจัดการและไม่สร้างความเสียหายให้กับสินค้า
  • ราคา: ต่ำ-ปานกลาง

ด้วยเหตุผลเหล่านี้ Silica gel คือ ตัวเลือกที่ปลอดภัยและเหมาะสมที่สุดสำหรับบรรจุภัณฑ์ขนาดเล็กที่ต้องการปกป้องสินค้าจากความเสียหายที่เกิดจากความชื้น

เลือกใช้สารกันชื้นอย่างไรให้ปลอดภัย?

 

เลือกซองกันชื้นอย่างไร

การใช้สารกันชื้นอย่างถูกวิธีเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งเพื่อรักษาคุณภาพของอาหารและยืดอายุการเก็บรักษา ขณะเดียวกันก็ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้บริโภคด้วย

สารกันชื้นมีหลายเกรด: Food Grade คืออะไร?


สาร
กันชื้นที่ใช้กับอาหารและยา ต้องเป็น “Food Grade” เท่านั้น ซึ่งหมายถึงวัสดุที่ได้รับการรับรองว่าปลอดภัยสำหรับการใช้งานร่วมกับอาหารหากมีการปนเปื้อนในผลิตภัณฑ์อาหารก็จะไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ตรงข้ามกับเกรดอุตสาหกรรม “Industrial Grade” ที่ใช้ในงานอุตสาหกรรมทั่วไปที่ไม่เกี่ยวข้องกับการบริโภคโดยตรง เช่น เครื่องหนัง อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ หรือโลหะ ซึ่งอาจมีความไม่บริสุทธิ์ หรือสิ่งเจือปนที่เป็นอันตรายปะปนอยู่ได้

ใช้สารกันชื้นที่ไม่มี อย. กับอาหาร ผิดกฎหมายหรือไม่?


สำหรับผู้ผลิตอาหารหรือผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการบริโภค การใช้สาร
กันชื้นอย่างถูกต้องตามกฎหมายถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เท่านั้น โดยสังเกตจาก เลขทะเบียนอาหาร 13 หลัก (เลข อย.) และข้อมูลแหล่งที่มาที่ชัดเจน

การซื้อหรือจำหน่ายสารกันชื้นใส่อาหารที่ไม่มีเลข อย. และไม่ผ่านการตรวจสอบมาตรฐานความปลอดภัยและประสิทธิภาพ อาจถือว่า ผิดกฎหมาย ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากผู้ผลิตนำไปใช้กับอาหาร เพราะถือเป็นการกระทำที่อาจส่งผลเสียต่อผู้บริโภค เนื่องจากซองกันชื้นจะสัมผัสกับอาหารโดยตรง ดังนั้น ทั้งตัวสารกันชื้นเองและวัสดุที่ใช้ทำซองจึงต้องเป็น Food Grade ที่มีความปลอดภัยและไม่เป็นอันตรายเมื่อสัมผัสกับอาหาร

ใช้สารกันชื้นกับอาหารแห้งเท่านั้น อันตรายจากเชื้อราหากใช้กับอาหารผิดประเภท


สาร
กันชื้นทำหน้าที่ ดูดซับความชื้นในบรรจุภัณฑ์ เพื่อป้องกันไม่ให้อาหารแห้งดูดความชื้นกลับ จึงควรใช้กับอาหารแห้งเท่านั้น และห้ามนำไปใช้กับอาหารสดหรือของเหลวทุกชนิดเด็ดขาด เพราะสารกันชื้นไม่สามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพในอาหารที่มีความชื้นสูง ซึ่งอาจนำไปสู่การเจริญเติบโตของเชื้อราได้

เพื่อป้องกันอันตรายจากเชื้อจุลินทรีย์ ในอาหารที่มีความชื้นสูง เช่น ขนมปัง ควรเลือกใช้ Active Packaging อื่น เช่น  ซองดูดออกซิเจน หรือ ซองปลดปล่อยเอทานอล นอกจากนี้สามารถตามไปอ่านเคล็ดลับการเก็บอาหารสด หรืออาหารปรุงสุก ได้ที่ การเก็บรักษาอาหาร

ข้อควรระวังในการใช้งาน สารกันชื้นสำหรับบรรจุภัณฑ์อาหาร


เพื่อประสิทธิภาพและความปลอดภัยสูงสุด ควรปฏิบัติตามข้อแนะนำต่อไปนี้:

  • เลือกใช้ชนิด Food Grade และมีเลข อย. เท่านั้น นอกจากนี้ซองจะต้องมีคำเตือน “ห้ามรับประทาน” (Do not eat) อย่างชัดเจนเพื่อป้องกันอันตรายจากการกลืนกินโดยไม่ได้ตั้งใจ
  • คำนวณปริมาณที่เหมาะสม ขนาดของถุงกันชื้น ขึ้นกับผลิตภัณฑ์ ปริมาตรของบรรจุภัณฑ์ ชนิดและการปิดผนึกของบรรจุภัณฑ์ และอายุการเก็บรักษาที่ต้องการ
  • ใช้ร่วมกับบรรจุภัณฑ์ที่กันความชื้นได้ และปิดผนึกบรรจุภัณฑ์ให้สนิท เพื่อป้องกันความชื้นจากภายนอกเข้าสู่อาหารผ่านทางบรรจุภัณฑ์
  •   ใช้กับอาหารที่แห้งแล้วเท่านั้น สารกันชื้นมีหน้าที่รักษาความแห้ง ไม่ใช่ทำให้แห้ง ควรใช้นำไปกับอาหารที่ผ่านกระบวนการทำให้แห้งมาแล้ว เนื่องจากสารกันชื้นมีขีดจำกัดในการดูดซับความชื้น หากอาหารยังมีความชื้นสูง สารกันชื้นอาจจะดูดซับได้ไม่ทันการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ ซึ่งทำให้อาหารเน่าเสียได้ สำหรับอาหารอื่นที่ไม่ใช่อาหารแห้ง ควรพิจารณาใช้บรรจุภัณฑ์ยืดอายุอาหาร Active Packaging ชนิดอื่นที่เหมาะสมกว่า

สารกันชื้นอันตรายไหม? ถ้าเผลอกินเข้าไปต้องทำยังไง?


ซิลิกาเจล
ที่พบในซองบรรจุภัณฑ์อาหารและยาที่มี เลข อย. ถูกต้อง จะเป็นชนิด food grade ที่ปลอดภัยและไม่เป็นพิษ (non-toxic) เมื่อเผลอกลืนเข้าไปจะไม่ถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย แต่จะถูกขับถ่ายออกมาตามปกติ อย่างไรก็ตาม การกินสารกันชื้นเข้าไปก็ยังมีความเสี่ยงที่ควรระวัง:

  • อันตรายจากการอุดตันทางเดินอาหาร: ความเสี่ยงหลักคือการอุดตันในระบบทางเดินอาหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเผลอกลืนเข้าไปทั้งซอง ซองพลาสติกอาจติดค้างในลำไส้หรือหลอดอาหารและทำให้เกิดอันตรายได้
  • อันตรายจากสารเคลือบ: สารกันชื้นบางชนิด (มักไม่ใช่ชนิดที่ใช้กับอาหาร) อาจมีการเคลือบด้วยสารเคมี เช่น โคบอลต์คลอไรด์ เพื่อบ่งชี้ความชื้น โดยสารนี้อาจทำให้เกิดอาการคลื่นไส้และอาเจียนได้ หากพบซองสารกันชื้นที่มีสี ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นชนิดที่ไม่ปลอดภัย และไม่ควรรับประทาน

สารกันชื้นอันตรายไหม? ทำไมต้องมีคำเตือน ห้ามรับประทานบนฉลาก


แม้ว่าซิลิกาเจลที่เป็นเกรดอาหาร จะไม่เป็นพิษทางเคมี แต่ก็ไม่ควรรับประทาน เนื่องจากไม่ได้มีประโยชน์ต่อร่างกาย และอาจทำให้เกิดอันตรายทางกายภาพ เช่น สำลัก ติดคอ หรืออุดตันในลำไส้ได้ โดยเฉพาะในเด็กเล็กและสัตว์เลี้ยง จึงจำเป็นต้องมีคำเตือน เป็นภาษาไทย ขนาดใหญ่กว่า 2 มิลลิเมตร ให้เห็นชัดเจนว่า เป็น
ซองสารกันชื้น ห้ามรับประทาน เพื่อป้องกันการเข้าใจผิดว่าเป็นซองอาหารหรือเครื่องปรุง

ถ้าเผลอกินสารกันชื้นเข้าไป ต้องทำอย่างไร?


หากเผลอกินซิลิกาเจลที่อยู่ในซองบรรจุภัณฑ์อาหารหรือยาโดยไม่ตั้งใจให้ปฏิบัติดังนี้

  • ประเมินสถานการณ์: หากเป็นเพียงเม็ดซิลิกาเจลใสจำนวนเล็กน้อยที่กลืนเข้าไป โดยทั่วไปจะไม่เป็นอันตราย ให้สังเกตอาการ หากไม่มีอาการผิดปกติใด ๆ อาจไม่จำเป็นต้องกังวล เม็ดซิลิกาเจลจะถูกขับถ่ายออกมาตามปกติ แต่หากเป็นการกลืนทั้งซองหรือมีปริมาณมากควรไปพบแพทย์เพื่อขอคำแนะนำที่ถูกต้อง โดยเฉพาะในกรณีของเด็กเล็กหรือสัตว์เลี้ยง
  • เก็บซองบรรจุภัณฑ์ไว้: หากเป็นไปได้ ให้เก็บถุงกันความชื้นไว้เพื่อแสดงให้แพทย์ดู ข้อมูลบนซองจะช่วยให้แพทย์ทราบชนิดและปริมาณสารที่กินเข้าไป ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการวินิจฉัยและให้การรักษาที่เหมาะสม
  • ปรึกษาแพทย์: หากกังวลหรือมีอาการผิดปกติ เช่น อาเจียน ปวดท้อง หรือกลืนลำบาก ควรปรึกษาแพทย์เพื่อขอคำแนะนำที่ถูกต้องและเหมาะสมกับสถานการณ์

อย่างไรก็ตามหากกินสารกันชื้นชนิดอื่น โดยเฉพาะ Calcium Chloride ที่เป็น สารเคมีที่มีฤทธิ์กัดกร่อน และคายความร้อน เมื่อสัมผัสกับความชื้น ควรรีบปรึกษาแพทย์ทันที

สารกันชื้นอันตรายไหม? ใช้อย่างไรให้ได้ผลและปลอดภัย?


สาร
กันชื้นหรือ desiccant เป็นซองขนาดเล็กที่ใช้ดูดซับความชื้นในบรรจุภัณฑ์อาหาร เพื่อช่วยรักษาคุณภาพและยืดอายุการเก็บรักษาอาหารแห้ง Silica gel คือ สารกันชื้นที่นิยมใช้มากที่สุดในอุตสาหกรรมอาหารเนื่องจากมีความปลอดภัยสูงและไม่เป็นพิษ อย่างไรก็ตามควรใช้ซองกันชื้นที่มีเลข อย. เพื่อความปลอดภัย และควรใช้กับอาหารที่แห้งแล้วเท่านั้นเพื่อประสิทธิภาพและความปลอดภัยสูงสุด

หากท่านกำลังมองหา packaging solution สำหรับยืดอายุอาหาร  ที่ Alpine Foods (บริษัทในเครือ Janjaras Group) เรามี Active Packaging  ที่หลากหลายให้เลือก ทั้งซองดูดออกซิเจน ซองกันชื้น ซองปลดปล่อยเอทานอล และซองดูดก๊าซเอทิลีน ที่เหมาะกับผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย ติดต่อเราเพื่อ หากคุณไม่แน่ใจว่าจะเลือกใช้ผลิตภัณฑ์แบบไหนที่เหมาะสมที่สุด ทีมผู้เชี่ยวชาญของเราพร้อมให้คำปรึกษา เพื่อช่วยคุณค้นหาโซลูชันที่ตอบโจทย์ความต้องการของคุณได้อย่างลงตัวที่สุด

 

Reference

Theeranun Janjarasskul & Panuwat Suppakul (2018). Active and intelligent packaging: The indication of quality and safety. Critical Reviews in Food Science and Nutrition, 58:5, 808-831. DOI: 10.1080/10408398.2016.1225278