วิธีการใช้งาน
1. เลือกใช้บรรจุภัณฑ์ที่สามารถป้องกันการซึมผ่านของก๊าซได้ดี
2. เตรียมบรรจุสินค้าลงในบรรจุภัณฑ์ให้พร้อม แล้วจึงใส่ เบสท์เคพท์ ลงในถุง โดยจะต้องคำณวนปริมาณออกซิเจนตามขนาดของบรรจุภัณฑ์
3. ทำการรีดอากาศในภาชนะออกให้เหลือน้อยที่สุด และปิดผนึกให้สนิท
4. ภายหลังการบรรจุ ผลิตภัณฑ์ เบสท์เคพท์ จะทำการปรับค่าออกซิเจนในบรรจุภัณฑ์
โดยค่าออกซิเจนที่เหมาะสมในการเก็บรักษาคุณภาพคือ 21%
ประโยชน์
1. ช่วยในการรักษาความสดใหม่ และคุณภาพของสินค้าได้
จากการป้องกันการเกิด กลิ่นหืนของไขมันในอาหาร, การเปลี่ยนแปลงของสีและกลิ่นธรรมชาติ, การแปรสภาพของวิตามิน สารอาหาร และสารออกฤทธิ์ในยา หรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ที่ทำปฏิกิริยากับออกซิเจน
2. ป้องกันผลิตภัณฑ์จากการเน่าเสีย หรือโรคจากจุลินทรีย์ เช่น รา หรือแบคทีเรีย ที่ใช้ออกซิเจนในการเจริญเติบโต
3. ป้องกันหรือกำจัดแมลง หนอน มอด และไข่ของสัตว์เหล่านี้ ที่สามารถดำรงอยู่ได้ด้วยออกซิเจน และยังหลีกเลี่ยงขั้นตอนการรมยา (Fumigation) ในผลิตภัณฑ์
4. สะดวกและปลอดภัย เพราะไม่ลงไปปนเปื้อนในอาหาร (ได้รับการอนุญาตจาก อ.ย. แล้ว)
5. สามารถทำตลาดได้กว้างขึ้น ไกลมากขึ้น เนื่องจากอายุของผลิตภัณฑ์ที่ยาวขึ้น
6. ช่วยลดการตีกลับของสินค้า และเสริมสร้างภาพลักษณ์อันดีให้แก่สินค้า
7. ช่วยทำให้ขั้นตอนการวางแผนการผลิต, การควบคุมสต็อก และการควบคุมสินค้าคงคลัง (Inventory Control)ง่ายขึ้น
ข้อควรระวัง
1. ก่อนใช้งาน ควรตรวจสอบ สีของอินดิเคเตอร์ในซองเบสท์เคพท์ ว่าปรากฏเป็น สีชมพูหรือไม่ สภาพซองเบสท์เคพท์ที่สมบูรณ์จะต้องแสดงผลเป็นสีชมพูเท่านั้น
2. ไม่ควรใช้มีดกรีด หรือใช้คัตเตอร์เปิดกล่อง เพราะอาจจะทำให้บาดซองเบสเคพท์ภายในได้
3. ก่อนการนำ เบสท์เคพท์ไปใช้งาน ควรตรวจสอบซองที่ใส่ เบสท์เคพท์ ว่ายังอยู่ในสภาพสุญญากาศหรือไม่ และต้องมั่นใจว่า สภาพของซองที่ใส่ เบสท์เคพท์ จะต้องไม่บวมขึ้นมา
4. ไม่ควรเปิด-ปิดซองบ่อยครั้ง หากใช้ เบสท์เคพท์ ไม่หมดซอง ควรนำซองที่ใส่ เบสท์เคพท์ ไปผนึกเพื่อเก็บไว้ใช้ในครั้งต่อไป
5. ควรเก็บ เบสท์เคพท์ ให้ห่างจากพื้นที่ที่มีอุณหภูมิสูง, แสงแดดจัด หรือมีความชื้นสูง
6. ไม่ควรใช้ เบสท์เคพท์ ในไมโครเวฟ
7. ระวังอย่าให้ เบสท์เคพท์ สัมผัสกับอาหารเปียก หรือมีน้ำมันโดยตรง